หากคุณเป็นนักดูหนังที่ชื่นชอบภาพยนตร์เงียบ ๆ และเรื่องราวความรักที่ท้าทายสังคม “Romeo and Juliet” (1908) ของ J. Searle Dawley อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ การดัดแปลงครั้งแรกของบทละครโศกนาฏกรรมอมตะของวิลเลียม เช็กสเปียร์ นำเสนอผ่านภาพยนตร์เงียบยาว 12 นาที ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งในยุคเริ่มต้นของภาพยนตร์
“Romeo and Juliet” (1908) โดดเด่นด้วยการใช้ภาษาของร่างกาย การแสดงสีหน้า และท่าทางที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในภาพยนตร์เงียบที่ขาดเสียงประกอบ
เรื่องราวหินรักของ โรเมโอ และ จูเลียต
เรื่องราวของ “Romeo and Juliet” (1908) เป็นการดัดแปลงของบทละครโศกนาฏกรรมชื่อดังของเช็กสเปียร์ที่ทุกคนรู้จัก: โรเมโอจากตระกูลมอนแทกุ และจูเลียต จากตระกูลแคพิวเล็ต ต่างก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น แม้ว่าทั้งสองตระกูลจะคู่อริกันมาช้านาน
ความรักของโรเมโอและจูเลียตต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งจากความเกลียดชังของครอบครัว และจากสังคมที่ไม่ยอมรับความรักข้ามชนชั้น
ในภาพยนตร์ “Romeo and Juliet” (1908) เหตุการณ์ดำเนินไปตามบทละครต้นฉบับ: โรเมโอและจูเลียตพบกันอย่างลับ ๆ ในงานเลี้ยงของแคพิวเล็ต และทั้งสองสาบานที่จะรักกันตลอดไป
อย่างไรก็ตาม ความรักของพวกเขาถูกขัดขวางเมื่อโรเมโอฆ่าทีโบน คาสซิยอ เพื่อนสนิทของจูเลียต ซึ่งทำให้โรเมโอต้องถูกเนรเทศจากเวโรนา
จูเลียตเมื่อได้รับรู้ว่าโรเมโอถูกเนรเทศ ก็คิดแผนหลอกให้ทุกคนเชื่อว่าเธอเสียชีวิตเพื่อที่จะได้หนีไปอยู่กับโรเมโอ
แต่ความโชคร้ายก็มาเยือนเมื่อโรเมโอไม่ได้รับ tidings นี้ และจึงคิดว่าจูเลียตเสียชีวิตแล้ว ทำให้เขาตัดสินใจฆ่าตัวตาย
เมื่อจูเลียตตื่นขึ้นมาและพบว่าโรเมโอเสียชีวิตแล้ว เธอก็ยอมศิโรราบของตัวเองด้วยการแทงตัว
นักแสดงใน “Romeo and Juliet” (1908) :
ชื่อนักแสดง | บทบาท |
---|---|
Florence Lawrence | จูเลียต |
Maurice Costello | โรเมโอ |
Florence Lawrence และ Maurice Costello เป็นนักแสดงที่ได้รับความนิยมในยุคเงียบ Lawrence นั้นโด่งดังเป็นอย่างมากในฐานะ “Biograph Girl” ในขณะที่ Costello เป็นหนึ่งในนักแสดงนำชายที่มีชื่อเสียงที่สุดในช่วงต้นของภาพยนตร์
มุมมองใหม่ของเรื่องราวโศกนาฏกรรม
“Romeo and Juliet” (1908) อาจไม่ใช่ภาพยนตร์ที่มีความสมบูรณ์แบบทางด้านเทคนิคเมื่อเทียบกับภาพยนตร์ยุคใหม่ แต่ก็เป็นภาพยนตร์ที่ทรงคุณค่าในแง่ของประวัติศาสตร์และศิลปะ
การนำเรื่องราวโศกนาฏกรรมของเช็กสเปียร์มาสร้างเป็นภาพยนตร์เงียบได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้กำกับในการใช้ภาษาของร่างกาย การแสดงสีหน้า และท่าทางเพื่อถ่ายทอดอารมณ์
นอกจากนั้น “Romeo and Juliet” (1908) ยังเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความนิยมของเรื่องราวรักข้ามแดน และความสามารถของภาพยนตร์ในการนำเสนอเรื่องราวคลาสสิคในรูปแบบใหม่
สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ “Romeo and Juliet” (1908) เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจและควรค่าแก่การชม.